25/04/2024
Monkey Pod ทาปาสบาร์เรสเตอรอง&คาเฟ่

นานๆ จะได้มีโอกาสมาพบเจอกับเรสเตอรองและคาเฟ่ที่เป็นบ้านไม้สักเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีสไตล์โคโลเนียล ในซอยสุขุมวิท 13 นี่เอง และด้านหลังของร้านยังเป็นสวนกว้างขวาง ซึ่งมีต้นไม้ยักษ์ที่เรียกกันว่า ต้น Monkey Pod ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้านนี่เองค่ะ Monkey Pod หรือคนไทยเราเรียกว่าต้นจามจุรี น่าจะอายุพอๆกับบ้านหลังนี้ บนเนื้อที่ 1 ไร่ ทำให้บ้านเก่าแก่รั้วรอบขอบชิดหลังนี้ มีพื้นที่พอที่จะมีต้นไม้ประดับประดามากมายรอบตัวบ้านทั้งด้านหน้าด้านข้าง และด้านหลังบ้าน เจ้าของร้านมาเจอสถานที่นี้เกิดชอบมาก เลยติดต่อขอเช่าเพื่อทำร้านอาหาร ภายในตัวบ้านหลังนี้ มีห้องใต้ดินไว้หลบภัยสมัยสงครามโลกด้วยนะคะ แต่ปัจจุบันห้องใต้ดินนี้ได้ถูกปิดไปซะแล้ว น่าเสียดายมาก ไม่งั้นคงจะถ่ายภาพมาให้คุณผู้ชมได้รับชมกันอย่างแน่นอนค่ะ

มาเริ่มต้นกันตั้งแต่ที่หน้าร้านก่อนเลยนะคะ ที่จอดรถไม่มากนัก แต่ก็พอจอดได้หลายคันอยู่ค่ะ มีป้ายใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้านเป็นภาพคิงคองใส่หมวก ใส่แว่นดำ คาบไปร์ท และมีนาฬิกาใส่ซะด้วยค่ะ พอเวลากลางคืน จะมีแสงจากแว่น นาฬิกา และไปร์ท ดูโดดเด่นน่ามอง น่าถ่ายภาพมากค่ะ และเนื่องจากพื้นที่ถูกจัดให้มีเรือนไม้กระจกอยู่ตรงเลยที่จอดรถ เป็นทางเดินเข้าในห้องอาหาร ห้องนี้จึงถูกจัดทำเป็นห้องครัว เพื่อให้มองเห็นเชฟทำอาหารอย่างมีอรรถรสมังคะ คล้ายๆ เรือนครัวแบบสมัยโบราณเลยก็ว่าได้ มีระเบียงทางเดินเข้าตัวร้านที่เป็นบ้านเก่าแก่หลังนี้ ทำให้เราได้สัมผัสกับความรู้สึกเหมือนย้อนยุคไปในสมัยโบราณ

Monkey Pod แห่งนี้ เป็นบ้านสไตล์โคโลเนียลอายุกว่าร้อยปี ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาเลยทีเดียวค่ะ พอเปิดประตูเข้าไปด้านซ้ายจะเป็นเคาน์เตอร์เค็ก และขนมหวาน ใต้เคาน์เตอร์นี้แหละค่ะที่เค้าว่ามีห้องใต้ดิน แต่ถูกปิดไปแล้วค่ะ เลยมองไม่เห็นใดๆ เลย ด้านข้างจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบน แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงชั้นบน จากตรงนั้นจะเป็นห้องรับรองลูกค้ามีทั้งห้องทางซ้าย ทางขวา และกลาง เลยไปหน่อยจะเป็นโถง ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณ ของเก่าแก่ และของประดับที่เป็นลิงนานาชนิด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของร้านไว้มากมายมาให้เราได้มองเพลินๆ และถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก

จากจุดห้องโถง มองออกไปด้านหลัง จะเป็นลานกว้างมากๆ ยกพื้นด้วยไม้และทำเคาน์เตอร์โอบล้อมต้น Monkey Pod ยักษ์ หรือจะเรียกว่าต้นจามจุรียักษ์ก็ได้ ซึ่งอายุน่าจะเก่าแก่พอๆกับบ้านไม้สักทองอันนี้ เป็นต้นไม้ยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาทั้งสูงและใหญ่โตมากๆ วิวด้านหลังนี่แหละค่ะ เหมาะกับการเป็นเบียร์การ์เด้น ไว้รองรับลูกค้าต่างชาติ หรือคนไทยที่ต้องการความชิลล์ในการมานั่งรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และดื่มเบียร์แบบฟินๆกันท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติด้านหลัง แอดว่ามันสวยงาม โดดเด่น คลาสสิคเป็นที่สุดค่ะ

ด้วยบรรยากาศในช่วงเย็นๆ ที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ยักษ์ ให้ความร่มรื่น เย็นสบายมากๆ พวกเราก็ได้โต๊ะยาวนั่งพักผ่อน ชิมเครื่องดื่มที่ทางร้านรังสรรค์มาให้เราได้ลิ้มลองความอร่อยกันก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกันถึงเมนูเด็ดๆ ของที่ Monkey Pod ผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อคุณต้อง และเชฟฝีมือเยี่ยม“เชฟดู่-ทวีศักดิ์ พุทธาวงศ์” เชฟเชื้อสายลาวเกิดที่เบลเยี่ยม แต่ไปโตที่อังกฤษ ประสบการณ์ด้านเชฟโชกโชนมากๆ จากต่างประเทศและที่ Blue Elephant กรุงเทพมาแล้ว นำอาหารมาเสิร์ฟ และบอกเล่าเก้าสิบถึงที่มาที่ไปของอาหารให้พวกเราฟังกันอย่างสนุกสนาน

สำหรับเมนูแรกที่มาแบบอิสานอินเตอร์มากๆก็คือ ข้าวผัดแจ่วบองเนื้อแบล็คแองกัสย่างปลาร้า ไข่ดองนํ้าปลา (BLACK ANGUS 4-5 MB PLA RA KHAO PHAD JEOW BONG)  อิ่มเบา ๆ และสัมผัสความหอมละมุนของสมุนไพรจากแจ่วปลาร้าบองลาว ที่นำมาผัดคลุกเคล้ากันอย่างลงตัว เสิร์ฟกับเนื้อแบล็คแองกัส ย่างปลาร้าที่นุ่มกำลังพอดีและไข่ดองนํ้าปลา ราคา 279 บาท

ต่อมาเป็น ฮอทด็อกหมั่นโถวทอดไส้กั่ว (LAO DOG) ซิกเนเจอร์เมนูของ Monkey Pod ที่ต้องลิ้มลองฮอทด็อกที่เชฟได้รับแรงบันดาลใจจากหมั่นโถวทอดสไตล์ไต้หวันที่หอมกลิ่นนมเนย  รับประทานคู่กับไส้กั่วสูตรพิเศษ ความลงตัวรสชาติที่โดดเด่น ที่มีเอกลักษณ์ของไส้กั่วและไส้กรอกอีสาน ซึ่งเชฟได้รับการถ่ายทอดสูตรลับมาจากของคุณแม่ เคียงด้วยแจ่วมะเขือเทศ – ราคา 179 บาท (เหตุผลที่เรียกว่าไส้กั่วเพราะอยู่ตรงกลางระหว่างไส้กรอกอิสานกับใส้อั่วนั่นเอง)

เมนูนี้พี่ชอบหลายๆ เด้อ ลาบหมูทอดตุ๋นเบียร์ (LARB MOO TOD) ความพิเศษของเมนูนี้ คือ การคัดเนื้อหมูส่วนคากิและหมูสามชั้นนำมาตุ๋นกับเบียร์    และสมุนไพรจนเปื่อยนุ่ม แล้วนำมาทอดจนกรอบเหลือง รับประทาน  คู่กับพิวเรลาบ (Larb puree ) ให้รับประทานเล่นอย่างเพลิดเพลิน  ราคา 169 บาท

เมนูไก่คลองไผ่อบพริกเหลือง(ครึ่งตัว) KLONG PHAI CHILLI CHICKEN (1/2 Chicken) สัมผัสเนื้อไก่อบที่ชุ่มฉ่ำกำลังดี ซึ่งผ่านการหมักด้วยน้ำหมักพริกเหลืองและสมุนไพรไทย อาทิ ตะไคร้ น้ำมะขาม รากผักชี กระเทียม ให้รสสไตล์ไก่พิริพิริ รับประทานคู่กับซอส Chimichurri กับหอมแขกดองบีทรูทที่หวานหอมและน้ำจิ้มสูตรพิเศษของร้าน – ราคา 389 บาท

มาถึงเมนูอาหารจานสุดท้าย ต้องลิ้มลองกันนะคะ เป็นเมนูเนื้อย่างในสไตล์ Monkey Pod ที่ย่างสุกกำลังดี มีให้เลือกทั้งพอร์คชอปและเนื้อแบล็คแองกัส ซึ่งเป็นเนื้อคุณภาพสูงจากวัวขุนที่มีความนุ่ม และหอมด้วยไขมันแทรกในเนื้อแบบพอดีเป็นลายหินอ่อน รับประทานคู่กับจิ้มแจ่วปลาร้าและยำสามชี จะรับประทานเล่นหรือจะรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็ฟินจนหยุดไม่อยู่  สเต๊กพอร์คชอปย่างปลาร้า ยำสามชี   MHOO PLA RA (350 g.)  – ราคา 479 บาท    สเต๊กเนื้อแบล็คแองกัสย่างปลาร้า ยำสามชี RA 4-5 MB (180 g.) – ราคา 579 บาท

จบจากอาหารหลากหลายเมนูให้อิ่มอร่อย ก็มาผ่อนคลายกับเมนูขนมหวาน ไอศครีมนม ซอสส้มซ่า ราดด้วยซอสโหระพา (OOPS…WE COPIED A 3-STAR CHEF Milk Ice Cream, Som Saa (Thai Dry Orange), Basil)รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน สัมผัสความความสดชื่นและผ่อนคลายน้ำมันหอมละเหยจากใบโหระพา ในระหว่างรับประทาน- ราคา 119 บาท

และอีกหนึ่งเมนูของหวานที่สัมผัสได้ถึงความอร่อยและความสนุกสนานของไอศครีมนมทอด กับเมนู “ When Phuket meets Esan ” ไอศครีมข้าวคั่ว-นมทอดสูตรพิเศษของ Monkey Pod เสริฟ์คู่กับสับปะรดภูเก็ตที่ย่างจนหอมกลิ่นคาราเมล และคัมโบเม็ดมะม่วง – ราคา 119 บาท

นอกจากนี้ ก็ยังมีหลากหลายเมนูเครื่องดื่มสูตรพิเศษ ให้ทั้งความสดชื่นและดีต่อสุขภาพ อาทิ BLOODY MARY MOCKTAIL, TROPICAL SPICE, Detox Detox, Monkey Planet, Monkey Lemonade, Monkey Spritzer เป็นต้น

เป็นไงบ้างคะ Monkey Pod ทาปาสบาร์เรสเตอรอง&คาเฟ่ แห่งนี้ถูกใจคุณผู้ชมมั้ยคะ สิบปากว่า ไม่เท่าตาได้เห็นเอง ได้ชิมรสชาติเอง และได้สัมผัสบรรยากาศที่แสนจะผ่อนคลายด้วยตัวเองนะคะ ดังนั้นจึงต้องมาลิ้มลองความอร่อย ที่ไม่เพียงสวยแต่รูปจูบไม่หอมตามคำพังเพยนะคะ เพราะที่นี่ มีพร้อมทั้งรูปลักษณ์ ความอร่อย บรรยากาศ และพนักงานที่น่ารักพร้อมบริการอย่างสุภาพค่ะ

Monkey Pod ทาปาสบาร์เรสเตอรอง&คาเฟ่ ตั้งอยู่เลขที่ 17 ซอยสุขุมวิท 13 กทม. เปิดบริการตั้งแต่ : 11.30 AM – 23.00 PM (21.30 PM Last order) Tel : 02-115-9830 , Line : @Monkey_pod FaceBook : https://www.facebook.com/Monkeypodbkk

Review Monkey Pod By Tan DayByDayStory